ประวัติของกระเป๋าแต่ละแบรนด์

เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่ต้องการอยากรู้ความเป็นมาและประวัติของกระเป๋าแต่ละยี่ห้อ ก่อนที่จะมาเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันทั่วโลก

วันเสาร์, มกราคม 09, 2553

ประวัติกระเป๋า CHANEL


CHANEL



ห้องเสื้อชาเนล (Chanel) มีประวัติและชื่อเสียงที่ยาวนานในด้านการปฏิรูปความคิด แหกกฎ 

และดื้อรั้น (Revolutionist) แต่ทั้งหมดนั้นเป็นไปเพื่อการสรรค์สร้าง

ความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง 

ห้องเสื้อชาเนลก่อตั้งโดย โกโก้ ชาเนล” (Coco Chanel) 

(ชื่อจริงของเธอคือ “Christine Gabriel Chanel" ) 

เธอเกิดในครอบครัวที่ยากจนซึ่งตั้งรกรากอยู่แถบชนบทของฝรั่งเศส 

หลังจากแม่ของเธอเสียชีวิตไม่นาน เธอต้องไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กและเติบโตที่นั่น 

ชีวิตในวัยเด็กจึงแร้นแค้นมาก และส่งผลให้เธอเกลียดและกลัวความแร้นแค้นที่สุด

เมื่อโตเป็นสาว ชาเนลต้องการมีธุรกิจสักอย่างเพื่อจะได้มิต้องตกเป็นทาสของความยากจนแร้นแค้นจึงตัดสินใจเปิดร้านออกแบบและผลิตหมวก เพราะในยุคสมัยนั้น ผู้หญิงนิยมใส่หมวกออกนอกบ้าน ดังนั้นผู้คนจึงต้องการสวมใส่หมวกที่มีรูปแบบสวยงาม




กระเป๋า CHANEL

โดยส่วนตัวแล้วชาเนลชอบสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ อย่างเชิ้ตผ้าฝ้ายตัวหลวมกับกางเกงขี่ม้า 

และรองเท้าบู้ตยาวหนังมัน เรียกได้ว่าชาเนลแต่งตัวมีสไตล์ของตัวเองมากๆ

และกล้าที่จะแหกกฎต่างๆ ออกมา เพราะผู้หญิงสมัยนั้นทุกคนต้องใส่คอร์เส็ต (Corset) 

ซึ่งทำมาจากโครงกระดูกปลาวาฬ ใช้สำหรับรัดทรวดทรงให้โค้งเว้า 

ถ้านึกไม่ออกก็หาดูตัวอย่างได้จากภาพยนตร์เรื่อง 

“Moulin Rouge” และ “Titanic”







เสื้อผ้าที่เธอออกแบบในช่วงแรกๆนั้น เป็นที่ประทับใจของผู้คนในแวดวงชั้นสูงอย่างมาก

ดังนั้นคนที่จะสามารถซื้อหาเสื้อผ้าของเธอได้นั้นต้องมาจากชั้นสูงเหมือนกัน 

แรงบันดาลใจที่เธอได้รับในการแต่งตัวนั้นส่วนใหญ่มาจากชายหนุ่มที่เธอคบหาด้วย

เช่นแฟนคนแรกของเธอทำให้เธอหลงใหลในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขี่ม้า 

เมื่อพบรักใหม่กับทหารรัสเซียชั้นสูง เธอก็หลงใหลในเสื้อผ้าสไตล์รัสเซีย ชุดกระโปรงตัวหลวม 

มีสายคาดสะโพก สวมใส่สบาย ใส่พร้อมเสื้อโค้ตเฟอร์ตัวหลวม และที่ขาดไม่ได้

หากเป็นสไตล์ของชาเนลที่แท้จริง จะต้องสวมใส่เข็มกลัดดอกคาเมลเลีย (Camellia) 

ไข่มุกเส้นยาวหลายเส้น เข็มขัดโซ่สีทอง กระเป๋าหนังเย็บแบบตาราง ซึ่งจะมีตัว ซีไขว้ประดับอยู่

อันเป็นสัญลักษณ์ที่เลื่องลือมาจวบจนทุกวันนี้






 

เสื้อผ้าของเธอนั้นมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มพลังของอิสตรี 

ผู้หญิงในแบบฉบับของชาเนลนั้นจะต้องเข้มแข็ง แต่ทว่าอ่อนหวานอยู่ภายใน 

(เหมือนกับชีวิตของเธอนั่นเอง)

หลังจากที่ห้องเสื้อของเธอประสบความสำเร็จอย่างสูง

ก็ต้องมีช่วงที่ประสบกับความซบเซาอันเนื่องมาจากสงคราม 

เธอต้องย้ายไปอยู่ที่หาดริเวียร่า ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส





Chanel

ก่อนจะเกิดสงครามนั้น ชาเนลคิดค้นน้ำหอมที่ผลิตจากกลิ่นสังเคราะห์เป็นครั้งแรกของโลก 

นั่นก็คือ ชาเนล นัมเบอร์ ไฟฟ์” (Chanel No. 5) หลังจากน้ำหอมกลิ่แรกที่เธอคิดค้นขึ้นออกสู่ตลาด

ชาเนลอยู่ได้สบายๆ โดยไม่ต้องออกแบบเสื้อผ้าใดๆ ด้วยส่วนแบ่งจากการผลิตน้ำหอมของเธอ 

ทหารทุกคนต้องการซื้อ ชาเนล นัมเบอร์ ไฟฟ์ กลับไปฝากภรรยาของตัวเอง 

น้ำหอมของเธอจึงขายดีมากจนแทบจะผลิตไม่ทัน 




Chanel




ทุกวันนี้ การออกแบบเสื้อผ้าสำหรับห้องเสื้อที่เก่าแก่นี้ 

ล้วนเป็นผลงานของ คาร์ล ลาเกอร์เฟล” (Karl Lagerfeld) อัจฉริยะบุคคลแห่งวงการแฟชั่น 

และคอลเล็กชั่นล่าสุดนี้ คาร์ล ดึงความเป็นผู้หญิงกลับมาอีกครั้ง 

แต่เพิ่มความเท่ห์ และความหรูหรา อีกทั้งเน้นการสวมใส่ได้จริงเข้าไปไว้ในหนาวนี้ด้วย 

เริ่มต้นจากโค้ตเฟอร์ทั้งสีดำ และน้ำตาล เสื้อคาร์ดิแกนผ้าทวีดทอลายด้วยดิ้นเงิน 

กุ๊นขอบด้วยไหม หรือว่าจะเป็นเสื้อสูทผ้าทวีดเข้ารูปตัวสั้น สวมทับเสื้อผ้าไหมบางเบา

มาพร้อมกับกระโปรงหนังทรงเอ ที่เท่ห์ที่สุดเห็นจะเป็นต่างหูระย้าเงินแวววาว

เข็มขัดหนังเย็บเป็นตารางใส่แบบเอวต่ำ และรองเท้าบู๊ตหนังมีปลอกขา 

ประดับประดาเพิ่มด้วยดอกคาเมลเลีย เข็มกลัดจิวเวลรี่ โซ่เงินและทองคล้องที่เอวต่ำ






ส่วนสีที่เลือกใช้จะมีตั้งแต่ ดำ น้ำตาล แดงเลือดนก ฟ้าบลูยีนส์ ไปจนถึงขาวบริสุทธิ์ 

อีกทั้งยังง่ายต่อการ Mix and Match อีกด้วยทั้งหมดนี้คือความอัจฉริยะที่ลงตัวของห้องเสื้อเก่าแก่ 

แต่เท่ห์โดยคาร์ล ลาเกอร์เฟล แด่ ชาเนล ผู้ล่วงลับ






ชีวิตหลากหลายด้านของ CHANEL



สดใส ไม่หยุดนิ่ง และหลากหลาย Gabrielle Chanel ใช้ชีวิตอยู่ในศตวรรษที่เต็มไปด้วยสีสันอันแสนวิเศษ ผู้ผลิตภาพยนตร์มักกล่าวว่า เรื่องจริงแปลกกว่าเรื่องที่แต่งขึ้นและเรื่องจริงของ Gabrielle Chanel ก็อยู่เหนือความคาดหมายของนักเขียนบทที่เปี่ยมด้วยจินตนาการชั้นเลิศอย่างแน่นอน



สำหรับ Gabrielle Chanel “ตำนานเป็นการยกย่องคนดังมีการเขียนประวัติของนักออกแบบแฟชั่นคนนี้ และเรื่องราวในชีวิตของเธอกว่า 40 ครั้ง ประสบการณ์ในศตวรรษที่ 20 ของ Chanel เต็มไปด้วยความกล้าได้กล้าเสีย ความรัก ความวุ่นวาย และความหลงใหล เรื่องราวของเธออ่านแล้วเหมือนกับบทเรียนสำหรับชีวิต นวนิยายที่เต็มไปด้วยการผจญภัย 



เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1883 ในครอบครัวเล็กๆ ในต่างจังหวัด Gabrielle Chanel ต้องกำพร้าตั้งแต่ยังเด็กและเติบโตขึ้นในโรงเรียนแม่ชี ที่นี่เธอได้เรียนรู้พื้นฐานของการตัดเย็บเสื้อผ้า และเมื่ออายุสิบแปดปีก็ทำงานเป็นผู้ช่วยในโรงงานผลิตเสื้อผ้าถัก เธอตกแต่งและเย็บเสื้อผ้า แต่ไม่นานนักก็เริ่มรู้สึกเบื่อ และหันมาสนใจในการแสดงดนตรีในร้านอาหารประจำท้องถิ่น ด้วยรูปร่างที่เพรียวและสวยงาม ทำให้เธอเป็นที่สะดุดตา เธอได้ร้องเพลงบนเวทีและได้รับการปรบมือจากผู้ชมที่เรียกเธอว่า Coco ซึ่งเป็นชื่อที่อยู่กับเธอไปตลอดกาล ที่นี่เองที่เธอได้รับความสนใจและเป็นที่ชื่นชอบของ ษtienne Balsan ซึ่งเป็นเจ้าของม้าแข่งที่ร่ำรวยในเวลาต่อมา เมื่ออยู่กับเขา Gabrielle ได้ค้นพบโลกบนหลังม้า ซึ่งเป็นโลกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับอาชีพของเธอมาตลอด และได้เข้าสู่สังคมชั้นสูงซึ่งมีผู้หญิงสวมหมวกที่เธอมองว่าเหมือน พายเธอถอยห่างออกมาจากผู้หญิงคนอื่นที่คอยติดตาม Balsan และในไม่ช้าก็สะดุดตาผู้ชายที่กลายมาเป็นคนรักในชีวิตของเธอ Arthur “Boy” Capel เขาสนับสนุนให้ Gabrielle ทำหมวกโดยให้ยืมเงินเพื่อเปิดร้านขายหมวกร้านแรกของเธอในปารีส บนถนน Cambon เมื่อปี ค.ศ. 1910 และตามด้วยร้านขายเสื้อผ้าและของประดับในเมืองชายฝั่งของฝรั่งเศสที่ Deauville ในเวลาต่อมาไม่นานนัก รวมทั้งร้านที่เมือง Biarritz และ Cannes ความสำเร็จของเธอเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าเธอก็สามารถคืนเงินทุกเพ็นนีที่ Boy Capel ให้ยืมมาได้



สาวน้อย Chanel เป็นนักออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง เมื่อสื่ออเมริกันเห็นผลงานการออกแบบใหม่ๆ ที่เธอคิดขึ้น พวกเขาก็พากันลงผลงานของเธออย่างไม่รู้เบื่อ 



ความสัมพันธ์กับ Boy Capel ทำให้เธอได้รับอิทธิพลจากพลังของผู้ชายและนำมาใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าของเธออย่างสม่ำเสมอ เธอขอยืมกางเกงขายาว ชุดนอน หมวกฟาง และเสื้อแจ็คเก็ตของเขา และปรับปรุงเครื่องแต่งกายเหล่านี้ให้เหมาะกับเธอ



บรรดาคนรักของเธอมักมีอิทธิพลโดยตรงกับการออกแบบของเธอ เธอนำความชื่นชอบในเสื้อแบบกะลาสี กระดุมทอง ข้อมือเสื้อสีขาว และเสื้อแจ็คเก็ตตัดเย็บด้วยผ้าทวี้ดมาจาก Duke of Westminster และได้ขอยืม Roubachka ซึ่งเป็นเสื้อพื้นเมืองของรัสเซีย เสื้อโค้ทที่เย็บริมด้วยขนสัตว์ และการตกแต่งประดับประดามาจาก Grand Duke Dimitri



เธอออกจำหน่าย CHANEL N5 ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นแรกของเธอในปี ค.ศ. 1921 น้ำหอมนี้ทำจากดอกเมย์โรส ดอกมะลิ และ Aldehydes ความสำเร็จในครั้งนั้นไม่มีน้ำหอมใดสามารถเทียบได้และดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครสามารถทำได้เช่นนั้นด้วย โดยเฉพาะเมื่อได้รับการเน้นย้ำจากคำตอบที่ฮือฮาของ Marilyn Monroe ที่บอกว่า “CHANEL N5 สองสามหยดเมื่อมีคนถาม




ว่าเธอสวมอะไรเข้านอน



Coco สร้างสรรค์สไตล์ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันเป็นตำนานของ CHANEL เธอเป็นผู้หญิงที่กล้าท้าทายและสไตล์เป็นเสมือนสัมผัสที่หกของเธอ เธอคิดชุดกระโปรงสั้นสีดำที่โดดเด่นในปี ค.ศ. 1926 โดยกล่าวว่า ผู้หญิงควรคิดถึงทุกสีสันยกเว้นการขาดสีสัน ฉันได้พูดแล้วว่าสีดำเป็นทุกสิ่ง เช่นเดียวกับสีขาว เป็นความงามที่สมบูรณ์แบบ ลองดูผู้หญิงที่สวมชุดสีดำหรือสีขาวในงานเต้นรำสิ พวกเธอจะดึงดูดสายตาของทุกคน



เธอใช้เวลาอยู่ท่ามกลางบุคคลที่มีชื่อเสียงทางศิลปะในยุคของเธอ ร่วมมือกับ Cocteau และ Picasso ในการทำละครเวที และให้เงินสนับสนุนแก่ Stravinsky, Diaghilev, Radiguet และ Pierre Reverdy เธออยู่ทุกหนแห่ง อยู่ที่เวนิซกับเพื่อนๆ เช่น Misia Sert อยู่ในฮอลลีวู้ดกับเหล่าดารา และในปารีสที่ Ritz ซึ่งเป็นโรงแรมที่กลายมาเป็นบ้านของเธอ ในฐานะนักธุรกิจหญิง เธอไม่เคยปล่อยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นตามดวง คำพูดของเธอสะท้อนให้เห็นคติพจน์ที่ลึกซึ้ง เช่น ถ้าคุณเกิดมาไม่มีปีก จงทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อให้มีหรือ ฉันไม่ชอบเวลาที่คนพูดถึงแฟชั่นของ CHANEL เพราะ CHANEL อยู่เหนือสไตล์ แฟชั่นเปลี่ยนไป แต่สไตล์ยังคงอยู่ 



ในปี ค.ศ. 1939 เธอปิดบ้านแห่งแฟชั่นลง และกลับมาเมื่ออายุ 71 ปี พร้อมกับการแสดงแฟชั่นที่เป็นตำนานอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1954 นี่เป็นการปฏิวัติครั้งที่สอง ในเพียงไม่กี่ฤดูกาล เธอก็นำชุดสูทตัดเย็บด้วยผ้าทวี้ด กระเป๋าถือ ‘2.55’ ทำจากหนังตัดเย็บแบบควิลท์ 



ดอกคามีเลีย และรองเท้าสองสีมามอบให้กับผู้หญิง... และคืนสู่โลกที่เชื่อว่าเธอหายไปนานแล้ว เธอออกจำหน่าย ‘Pour Monsieur” และได้รับรางวัล Fashion Oscar จาก American City of Dallas ในฐานะ นักออกแบบที่มีอิทธิพลมากที่สุดในศตวรรษที่ 20”

ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และสไตล์ส่วนตัวของ Chanel สามารถพบได้ในผลงานของเธอ เธอไม่เคยมีขีดจำกัดกับสิ่งใดๆ และวิธีการออกแบบแฟชั่นที่มีลักษณะเฉพาะตัวของเธอก็เกี่ยวข้องกับชีวิต ของส่วนตัวที่ได้มา และการค้นพบส่วนตัว กีฬาที่เธอรักส่งผลต่อการตัดเย็บและความเรียบง่ายในเสื้อผ้าของเธอ อัญมณีที่เธอได้รับถูกนำมาประดิษฐ์ใหม่ให้มีรูปแบบใหม่ที่เป็นต้นฉบับ เส้นทางที่เธอเดินทาง ผู้คนที่เธอพบเห็น มิตรภาพที่เธอสร้าง ความเชื่อ สิ่งเหล่านี้จะพบได้ในกระบวนการสร้างสรรค์ของเธอ ซึ่งทำให้เกิดผลงานที่อยู่ยาวนานและสามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปยังศตวรรษที่เธอมีชีวิตอยู่ได้

ฉันสร้างสรรค์แฟชั่นมาเป็นเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ของศตวรรษ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะฉันรู้วิธีนำเสนอสิ่งที่เป็นปัจจุบันนักออกแบบหญิงกล่าว เธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1971 ไม่กี่วันก่อนการแสดงแฟชั่นชั้นสูงสำหรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนในปีนั้น ทั้งโลกต่างพากันยกย่องหนึ่งในผู้หญิงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในศตวรรษ แต่หนังสือของ CHANEL ก็ไม่เคยปิดลงเลย



‘Mademoiselle Privยังคงอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเธอบนถนน Cambon ที่นี่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 Karl Lagerfeld และทีมงานของเขาได้สานต่อตำนานของ CHANEL ซึ่งผู้หญิงที่มีระดับทั่วโลกยังคงเลือกสวมใส่อย่างภาคภูมิใจ น้ำหอมของ CHANEL ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดและเป็นน้ำหอมที่น่าชื่นชมที่สุดในโลก Jacques Polge ซึ่งเป็น จมูกของบ้านหลังนี้และผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ Jacques Helleu ซึ่งเพิ่งมรณกรรมเมื่อไม่นานมานี้และยังคงเป็นที่ระลึกถึงอย่างอาดูร ได้สร้างสรรค์น้ำหอมหลากหลายกลิ่น รวมทั้ง Antaeus, goste, Coco, Allure, Chance และ Coco Mademoiselle เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ปรนนิบัติความงามของ CHANEL เป็นตัวแทนแสดงการสร้างสรรค์ การวิจัย และความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดี นาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีของ CHANEL ได้มอบความหรูหราในรูปแบบใหม่ให้กับแบรนด์ที่เจิดจรัสนี้ บ้าน CHANEL หลังนี้ไม่เคยหยุดที่จะแสดงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในโลกปัจจุบัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก